ก. ขอสรุปวิธีการเลือกซื้อประกันสุขภาพ ในแบบฉบับ aomMONEY ให้อ่านกันตามนี้ครับ 4 วิธีช่วยตัดสินใจ เลือกซื้อประกันสุขภาพตัวแรก 1. วิเคราะห์ตัวเองว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง สิ่งสำคัญที่สุดเลย คือ เราต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าเรามีความเสี่ยงที่อะไรบ้าง เช่น ความเสี่ยงด้านโรคกรรมพันธ์ ความเสี่ยงจากการใช้ชีวิต ความเสี่ยงจากอาชีพ เป็นต้น เพื่อเราจะได้มาจัดสรรเงินที่เรามีอยู่ว่าควรแบ่งซื้อประกันสุขภาพประเภทไหนบ้าง 2. สิทธิพื้นฐานด้านสุขภาพ หลังจากที่เราวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้ว เราก็มาดูกันต่อว่าเรามีสิทธิการรักษาพยาบาลอะไรบ้างที่ได้รับ เช่น ประกันสังคม บัตรทอง หรือใช้สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อเราจะได้ดูต่อว่าสิทธิที่เรามีอยู่ครอบคลุมค่ารักษาอะไรบ้าง ครอบคลุมเท่าไร คิดว่าเพียงพอต่อการรักษาพยาบาลของเราไหม เพราะบางคนมีข้อจำกัน เช่น ต้องเข้ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชน หรือไม่สะดวกห้องรวมต้องเป็นห้องพิเศษเท่านั้น ข้อจำกัดพวกนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยครับดังนั้นเราจะเลือกประกันตามใครไม่ได้ 3. เบี้ยประกัน ส่วนนี้ก็สำคัญ เพราะเบี้ยประกันสุขภาพเราต้องจ่ายเป็นรายปีครับ บางคนอาจจะตั้งไว้งบไม่เกิน 15, 000 บาท เพราะเบี้ยประกันส่วนนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15, 000 บาท และเขาคิดแล้วว่าประกันในงบเท่านี้ครอบคลุมแล้ว หรือบางคนอาจจะใช้สูตร 10 - 15% ของรายได้ทั้งปี ก็เป็นอีกแนวคิดหนึ่งครับ แต่ผมอยากให้เริ่มจากเท่าที่กำลังทรัพย์เราไหวก่อน ซื้ออันที่จำเป็นก่อน หากเรามีรายได้เพิ่มค่อยขยายความคุ้มครอง อย่าถึงขนาดที่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อทำประกันครับ 4.
ประกันอุบัติเหตุ เพราะผมชอบปั่นจักรยานไปทำงานตอนกลางคืน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้สูง ประกันนี้ส่วนใหญ่ราคาไม่สูงครับ 4. ประกันชดเชยรายได้ เนื่องจากเป็นพนักงานบริษัท อยู่แล้วครอบครัวก็เป็นข้าราชการก็อาจจะยังไม่จำเป็นตอนนี้ รวมถึงประกันผู้ป่วยนอกด้วยครับเพราะเป็นคนไม่ค่อยเข้ามาสถานพยาบาล แต่ถ้ามีเงินเหลือพอที่จะทำให้ก็อยากให้ทำติดไว้นะครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ หวังว่าช่วยเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อประกันสุขภาพกันบ้างนะครับ aomMONEY อยากย้ำอีกทีนะครับว่า "ประกันสุขภาพ" ช่วยเราบริหารความเสี่ยงในเรื่องของค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลได้ แต่ควรเลือกให้เหมาะสมคุ้มค่ากับเราที่สุดนะครับ ด้วยความหวังดีครับ บ. aomMONEY ติดตามเรื่องการเงินการลงทุน จาก aomMONEY? Website:? Youtube:? กลุ่มกองทุนไหนดี:
อายุสูงสุด ที่บริษัทจะต่ออายุกรมธรรม์ เพราะหลังเกษียณเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากกว่าก่อนเกษียณ แนะนำว่าควรเลือกแบบประกันที่สามารถต่ออายุได้เทียบเท่ากับอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยหรือประมาณ 80 ปีเป็นอย่างน้อย และ 7. การเลือกบริษัทประกัน ควรเลือกบริษัทที่มีประวัติการดำเนินกิจการที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ มีระบบการเคลมสินไหมที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป
วงเงินความคุ้มครอง ควรมีความคุ้มครองขั้นต่ำราว 3 - 5 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลทั้งโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง และสามารถรักษาในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำได้ 2. รูปแบบความคุ้มครอง แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบเหมาจ่ายต่อปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำประกันสุขภาพเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคเดียวกันที่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ระยะเวลารักษานาน แบบเหมาจ่ายต่อครั้ง รูปแบบนี้จะกำหนดวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งในการเข้ารับการรักษา แต่ไม่จำกัดวงเงินต่อปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการปิดความเสี่ยงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยบ่อยครั้ง หรือหลายโรคที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันภายในปีกรมธรรม์เดียวกัน 3. ค่าห้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หากต้องการให้ครอบคลุมคุณภาพการรักษาพยาบาลระดับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำก็ควรเลือกแผนประกันสุขภาพที่มีค่าห้องผู้ป่วยปกติต่อวันอย่างน้อย 8, 000-10, 000 บาทขึ้นไป และควรเผื่อในส่วนของการรักษาตัวในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน (ICU) ด้วย 4. ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการบริษัทจำเป็นต้องมีความคุ้มครองส่วนนี้ 5. ลักษณะสัญญาการต่ออายุความคุ้มครองแบบปีต่อปี ควรเลือกทำประกันที่การันตีการต่ออายุ เพื่อเป็นหลักประกันว่าการรักษาจะมีความต่อเนื่องและสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้จนกว่าจะหายเป็นปกติ 6.
เมื่อวันที่ 26 ม. ค. 65 นายวีระพล บดีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคาร กสิกรไทย กล่าวว่า คนไทยที่เข้าข่ายได้รับการดูแลด้านค่ารักษาพยาบาลจากรัฐมีจำนวนรวมกว่า 17 ล้านคน ประกอบด้วย ผู้ถือบัตรทอง, บัตรประกันสังคม ม. 33 และ ม.