เครื่องทำฟองเบียร์ - YouTube
เปิด Application มา กดปุ่ม Carbonation 2. กดเลือกประเภทเบียร์ที่ทำตรง Suggested Carbonation Levels 3. มีประเภทเบียรขึ้นมาให้เลือก สมมุติว่าเลือก American Wheat ก็จะมีระดับการ Carbonation ของเบียร์ประเภทนี้อยู่ที่ 2. 3 – 2. 6 4. กรอกข้อมูลของเบียร์ลงในช่อง ช่องแรก: Desired Vol. of CO2: กรอกค่าระหว่าง 2. 6 ช่องที่สอง: Volume of Beer: กรอกปริมาณน้ำเบียร์ที่เหลือจากการ Ferment (ไม่นับรวมเศษ ยีสต์ หรือ Hop หรือ อื่นๆที่อยู่ก้นถัง) ช่องที่สาม: อุณหภูมิเบียร์ที่จะทำการBottling สำหรับการ Carbonate แบบ Bottling อุณหภูมิจะสำคัญต่อสัดส่วนที่ Dextrose ใช้ในการ Carbonate และสุดท้ายกดปุ่ม Calculate 5. เลือกวิธีการ Carbonation จะเห็นได้ว่าทำไม่ยากเลย ยังไงลองปรับให้เข้ากับเบียร์ดูนะคะ Happy Brewing! !
สยามรัฐออนไลน์ 15 มีนาคม 2565 11:52 น. วาไรตี้-โซเชียล วันที่ 15 มี. ค.
บทความโดย: parnie เมื่อช่วงกลางคืนมาถึง หนุ่มหลายคนคงเริ่มนึกถึงเบียร์ วันนี้เราเลยมีอุปกรณ์เสริมเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้การดื่มเบียร์ของคุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น มาฝากกันค่ะ เครื่องแรกเป็นเครื่องสร้างฟองค่ะ!! สิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับคอเบียร์ก็คือฟองค่ะ และวันนี้ คุณจะได้ลิ้มรสฟองสมใจแล้วด้วยเครื่องมือตัวนี้ เครื่องนี้มีชื่อว่า [b]"Sonic Hour Beer Head Froth Maker" [/b]ราคาอยู่ที่ประมาณ 2, 400 บาท ผู้ผลิตเครื่องมือสุดล้ำชิ้นนี้คือ Takara Tomy ได้ประยุกต์นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่อง Ultrasonic มาทำให้เครื่องดื่มเกิดฟองขึ้นมาได้เพียงแค่ภายในไม่กี่วินาที! สำหรับการใช้งานก็ง่ายและรวดเร็วมาก เพียงแค่คุณใส่เบียร์ (หรือถ้าไม่ดื่มเบียร์ ก็สามารถใส่เป็นเครื่องดื่มอะไรก็ได้ค่ะ) ลงไปประมาณครึ่งแก้ว (เว้นพื้นที่ให้ฟองซักหน่อย) แล้วก็กดปุ่ม รอเพียงไม่กี่วินาที ก็จะได้ฟองบนเบียร์แก้วโปรดแล้วค่ะ อุปกรณ์ชิ้นต่อไป ยังคงมาจากผู้ผลิตรายเดิมนั่นคือ Takara Tomy แต่ครั้งนี้ เนื่องจากว่า ในช่วงหน้าร้อน คนญี่ปุ่นนิยมดื่มเบียร์ที่มีความเย็นจัด เครื่องมือตัวนี้จึงไม่เพียงช่วยให้เกิดฟองเท่านั้น ยังช่วยทำให้เบียร์แก้วโปรดของคุณเย็นขึ้นด้วย!
แถลงกรณีการขอเปิดชายแดนทางบกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนของ "หนองคายแซนด์บ็อกซ์" "วันเดย์ทริป" และ "3 วัน 2 คืน" ว่า เนื่องจาก จ. หนองคาย เป็นจังหวัดเดียวในประไทยที่มีชายแดนติดกับเมืองหลวงของต่างประเทศ คือ นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว และมีมูลค่าเศรษฐกิจการค้าชายแดนสูงเป็นอันดับ 2 สร้างรายได้ให้ประเทศปีละเกือบ 6 หมื่นล้านบาท พี่น้องชาวหนองคายและจังหวัดใกล้เคียงจึงพึ่งพาการค้าชายแดนเป็นหลัก แต่จากสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลตื่นตระหนกสั่งปิดประเทศทั้งหมด ส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซา ประชาชนขาดรายได้ แม้ว่าภายหลังรัฐบาลจะประกาศเปิดประเทศลักษณะ "เทสต์แอนด์โก" แต่เงื่อนไขก็ไม่ตรงกับบริบทของ จ. หนองคาย และนครหลวงเวียงจันทน์ ที่ปกติประชาชนจะใช้บัตรผ่านแดนเช้าไปเย็นกลับ แต่เมื่อมีการเปิดประเทศแบบ "เทสต์แอนด์โก" ทำให้เกิดข้อจำกัดในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายสูง และเสียเวลา ทาง จ. หนองคาย จึงเตรียมความพร้อมในการเป็นจังหวัดแซนด์บ็อกซ์ วันเดย์ทริป และ 3 วัน 2 คืน โดยให้ประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวต้องได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว และเมื่อถึงด่านจะมีการตรวจเอทีเค ซึ่งจะผ่อนคลายเงื่อนไขเทสต์แอนด์โก เราเตรียมตัวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยมีความพร้อมมาก แต่ ศบค.
ผ่านกระดาษกรองลงในขวดขนาด 500 มล.